![]() |
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม |
ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราต่างปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเป็นแบบ New Normal รวมไปถึงการทำธุรกรรมทางออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงพบมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ จำนวนมาก มีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวบัญชีธนาคาร/บัตรเดบิต โดยมิจฉาชีพจะทำการหักเงินออกจากบัตรเดบิตผ่านเครื่องEDC หรือเครื่องรูดบัตร แต่ไม่มี SMS แจ้งเตือนไปยังเจ้าของบัตร
แนวทางการรับมือเมื่อเงินหายไปจากบัญชีโดยไม่ทราบสาเหตุ
1. แจ้งอายัดบัตรเดบิต/เครดิตทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเลขหน้าบัตร รวมถึงรหัส cvv ไปใช้
2. ติดต่อ call center ของธนาคารต้นเรื่อง และดำเนินการตามขั้นตอนธนาคารเพื่อปฏิเสธการจ่ายรายการหรือธุรกรรมต่าง ๆ ที่ผิดปกติ
3. เก็บหลักฐานทั้งหมดที่ได้รับ เช่น SMS หน้าจอ วงเงิน statement ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ
สำหรับผู้ที่ยังไปเจอเหตุแบบนี้ แนวทางป้องกันไว้ก่อนคือ
1. ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือให้ข้อมูลสำคัญทางธุรกรรมผ่านทางโทรศัพท์หรืออีเมล หรือแอปพลิเคชัน/เว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น แอปพลิเคชันสินเชื่อให้เงินกู้ เกมออนไลน์
2. กำหนดวงเงินการใช้จ่ายของบัตรเดบิต/บัตรเครดิต ให้เหมาะสมเพื่อจำกัดมูลค่าความเสียหาย บางกรณีอาจเลือกตั้งค่าวงเงินให้ต่ำสุดที่ระบบรองรับได้ และปรับแต่งอีกครั้งเมื่อมีการเรียกใช้งาน
3.ใช้ช่องทางการแจ้งเตือนการทำธุรกรรม เช่น แจ้งยอดการเคลื่อนไหวของบัญชีออมทรัพย์/ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่าน SMS การตั้งค่าเตือนผ่านแอปพลิเคชัน
4. หมั่นสังเกตเงินในบัญชีตนเองว่ามียอดลดลงหรือไม่ หรือพบการใช้งานที่ผิดปกติรีบติดต่อ call center หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรโดยด่วนเพื่อแจ้งตรวจสอบ/แก้ไขการทำธุรกรรมในทันที
5. หากได้รับการประสานจากธนาคารถึงความผิดปกติทั้งจากทางอีเมล หรือโทรศัพท์ เช่น การล็อกอินเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ การเปลี่ยนข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชีบัตร ให้รับทราบ และประสานกลับตามช่องทาง call center ปกติของธนาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นช่องทางจากธนาคารจริง หากเป็นการแจ้งจากธนาคารจริง ให้เฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้ เช่น การนำรหัสผ่านไปใช้งานต่อ การเปลี่ยนอาจมีการฝังมัลแวร์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ใช้งานเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมตลอดเวลา
อ่านต่อ https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/Secure-e-Payment.aspx
___________